Share Button

ความโศกเศร้ายังไม่จางหาย… สำหรับหนึ่งปีที่ผ่านมากับการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร อันเป็นที่รักยิ่งของคนไทย ตัวแทนดีเจจาก 3 คลื่นวิทยุ เอ-ไทม์ มีเดีย อย่าง อีเอฟเอ็ม 104.5, กรีนเวฟ 106.5 เอฟเอ็ม และ ชิล ออนไลน์ น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ ร่วมกล่าวถึงความรู้สึกที่มีต่อพระองค์ท่าน และการนำหลักคำสอนของพระองค์ท่านมาใช้ในชีวิต เพื่อเป็นแนวทางให้คนไทยก้าวข้ามผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้


ดีเจ.ต้นหอม ศกุนตลา เทียนไพโรจน์ กล่าวว่า “ผ่านไปแล้วหนึ่งปีหอมเริ่มทำใจได้บ้าง แต่ก็ยังรู้สึกใจหายและยังคงคิดถึงท่านเสมอ เมื่อไหร่ที่มีปัญหาเข้ามาในชีวิตก็จะใช้พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของพระองค์ท่านมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ ทุกวันนี้หอมนำมาใช้อยู่สองเรื่อง หนึ่งความพอเพียงคือใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด และใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างเรื่องยาสีฟันของพระองค์ท่านที่ใช้จนหมดหลอด หอมรู้สึกว่าท่านเป็นถึงพระราชาท่านยังคิดที่จะประหยัดทรัพยากรเลย ดังนั้นเราก็ควรที่จะทำให้ได้เหมือนท่านบ้าง อีกเรื่องคือความสามัคคีไม่แตกแยก เพราะว่าเป็นสิ่งที่ในหลวง ร.9 ท่านคอยบอกอยู่เสมอว่า ประเทศเราจะแข็งแรงได้ต้องมาจากความสามัคคีของคนในชาติ ฉะนั้นเราเป็นส่วนหนึ่งของสังคมเล็กๆ เราก็ต้องไม่สร้างความแตกแยกในสังคมหรือองค์กรของเรา และหอมก็คิดว่าต่อไปประเทศชาติมวลรวมก็จะแข็งแรงมากยิ่งขึ้นด้วย”

ดีเจ.ดาด้า วรินดา ดำรงผล กล่าวว่า “ตอนแรกก็ดูเหมือนว่าเราจะทำใจได้แล้ว แต่เมื่อถึงวันครบรอบวันสวรรคต มันจะมีความรู้สึกตระหนักอยู่ในใจว่าต่อไปนี้เราจะไม่มีท่านแล้ว แต่เมื่อชีวิตมันต้องเดินต่อไป ในฐานะประชาชนของท่านเราก็จะน้อมนำพระราชดำรัสและแนวปฏิบัติของพระองค์ท่านมาเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิต คือการทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงานหรือเรื่องการใช้ชีวิต เราต้องรู้จักหน้าที่ของเราอย่างที่พระองค์สอน และจะเก็บเอาไว้เพื่อสอนลูกหลานของเราต่อไป”

ดีเจ.มะตูม เตชินท์ พลอยเพชร กล่าวว่า “ผ่านมาหนึ่งปีแล้วยังรู้สึกเศร้าอยู่ทุกครั้งที่เห็นพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ แต่วันนี้เราเริ่มเข้มแข็งขึ้น หนึ่งปีที่ผ่านมามันให้อะไรกับตัวมะตูมและคนรอบข้างมาก นั้นคือความสามัคคีในบ้านเมือง มีความรักใคร่สามัคคีกันมากขึ้น ในวันนี้อยากจะให้ทุกคนเดินต่อไปอย่างเข้มแข็ง พยายามทำความดีให้มากที่สุดถึงจะไม่ได้เป็นเศษเสี้ยวที่พระองค์ทรงทำเอาไว้ แต่ก็อยากจะเอาพระราชกรณียกิจต่างๆ มาเป็นข้อคิดให้กับเรา ด้วยการเริ่มต้นที่ตัวเองว่าเราทำอะไรได้บ้าง ทำอะไรเพื่อตอบแทนสังคมบ้าง เหมือนกับพระองค์ทำให้คนทั้งประเทศ”

ดีเจ.อ้อย นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล กล่าวว่า “หนึ่งปีที่ผ่านมายังรู้สึกไม่ต่างจากเดิม เพียงแค่ความเสียใจในวันนั้นเราเปลี่ยนเป็นพลังมากขึ้นเรื่อยๆ เราไม่ได้ฟูมฟายเท่าเดิม แต่เปลี่ยนความเสียใจเป็นการให้ และในช่วงที่ผ่านมาเราได้รับรู้พระราชกรณียกิจที่เยอะมากของพระองค์ท่านที่ทำเพื่อปวงชนชาวไทย ทำให้รู้สึกอย่างหนึ่งว่าในชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคนตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับตาลง มีสิ่งที่พระองค์ท่านพระราชทานไว้ให้พวกเราตลอดเวลา ทั้งโครงการพระราชดำริเพื่อความเป็นอยู่ของคนไทย มีพระราชดำรัสให้เป็นวิธีคิดพระราชทานให้พวกเรามีวิธีคิดที่มีความสุข พระองค์ท่านดูแลทุกข์สุขของคนไทย ทั้งความเป็นอยู่และความเป็นสุขจริงๆ เพราะฉะนั้นวันนี้ยังรู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ อย่างน้อยเพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน หรือแม้กระทั่งตอบแทนคุณแผ่นดิน สิ่งหนึ่งที่รู้สึกเสมอคือเราต้องเป็นผู้ให้ทุกครั้งที่มีโอกาส เราเองเป็นประชาชนคนธรรมดาทำไมจะให้ไม่ได้ งานดีเจเล็กๆ ที่ตัวเองทำอยู่ นอกเหนือจากการให้ความสุขในการเปิดเพลง ก็อยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการให้กำลังใจ ต้องบอกว่าเป็นช่วงที่คนไทยต้องการกำลังใจให้กันและกัน เมื่อไหร่ที่มีโอกาสให้เราจะให้ทุกครั้ง ให้ในเรื่องสิ่งของอย่างกิจกรรมต่างๆ ที่เราได้ดูกันมาตลอด อย่าง 25 กิจกรรมทำดีตามรอยพ่อ มันไม่หยุดแค่ 25 กิจกรรม มันจะมีอีกหลายต่อหลายกิจกรรม เพื่อที่จะทำให้ทุกคนรู้ว่า สิ่งที่พระองค์ท่านพระราชทานให้พวกเราไม่สูญเปล่า”

ดีเจ.อาทซ์ อรอานิญช์ พีรชาขจรพัฒน์ กล่าวว่า “ผ่านเวลาไปได้สักระยะหนึ่ง สิ่งที่เราได้เห็นจากจุดเดิมที่เราเสียใจมาก ที่เคยระลึกถึงพระองค์ท่านด้วยความเศร้าเสียใจมันเปลี่ยนเป็นแรงผลักดันให้เราใช้ชีวิตอยู่ต่อเพื่อเป็นผู้ให้หรือทำสิ่งดีๆ ให้กับผู้อื่น แม้จะไม่ได้เท่าเศษละอองธุลีพระบาทของพระองค์ท่าน อาทซ์เชื่อว่ามันจะทำให้เราได้เป็นผู้ให้โดยบริสุทธิ์ใจ และสิ่งที่เราจะได้รับกลับคืนมาคือความรักและความจริงใจจากคนที่เราเคยให้พวกเขาไป เหมือนที่พระองค์ท่านทรงให้กับประชาชนชาวไทยทุกคน”

Facebook Comments
Share Button