Share Button

การันตีจากคนไทยทั้งประเทศ ว่าหนุ่มขายของฝากจากประจวบคีรีขันธ์ โอ ศิร์ภูมิ เบญจรัส ลูกทีมโค้ชโจอี้ บอย มีเสียงดีลีลาเด็ด จนได้คะแนนโหวตสูงสุดในรอบชิงชนะเลิศ กลายเป็นแชมป์ เสียงจริง ตัวจริง คนที่ 5 ของการแข่งขัน รายการเดอะวอยซ์ เสียงจริง ตัวจริง ซีซั่น 5 พรีเซ็นเต็ด บาย ทรูมูฟ เอช 4จี พลัส (Presented by TrueMove H 4G+) คว้าเงินรางวัลกว่า 3 ล้านบาท จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) พร้อมรถยนต์ TOYOTA All New Seinta รุ่น 1.5 V 1 คัน และมีโอกาสเซ็นสัญญากับค่ายเพลงคุณภาพ หลังฝ่าด่านออดิชั่นคนสมัครกว่า 25,000 คน จนมาเป็น 4 คนสุดท้าย ที่ต้องมาฟาดฟันกับคู่แข่งสายแข็งอย่าง แต๊ก-อานนท์ วัชรีวงศ์ ณ อยุธยา จากทีม “โค้ชก้อง สหรัถ”,เกิบ-ณัฐพงศ์ ทองเมือง จากทีม “โค้ชดา เอนโดรฟิน” และ คิง-ภัชรพงษ์ บุญชู จากทีม “โค้ชสิงโต นำโชค” โดยหนุ่มโอปล่อยน้ำเสียงบาดลึกแตะถึงหัวใจคนไทยทั้งประเทศ ในเพลง “ทั้งรักทั้งเกลียด” โกยคะแนนโหวตสูงสุดไปครองอย่างสวยงาม เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ณ เซ็นเตอร์พอยท์ สตูดิโอ สุขุมวิท 105 (ลาซาล)


ความยินดีในความสำเร็จของหนุ่มเสียงดี โอ ศิร์ภูมิ วัย28 ปี แชมป์เสียงจริงตัวจริง คนที่ 5 ของรายการ เดอะวอยซ์ เสียงจริง ตัวจริง ซีซั่น 5 พรีเซ็นเต็ด บาย ทรูมูฟ เอช 4จี พลัส (Presented by TrueMove H 4G+) โค้ชโจอี้ บอย ก็ได้สร้างสถิติบันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ให้เป็นสุดยอด โค้ชขั้นเทพ ที่สามารถทำแชมป์สองสมัยติด และโอถือเป็น เสียงจริง ตัวจริงคนแรกที่มาจากการสตีล!!! จากผลการโหวตที่ชัดเจนที่สุดแบบ One Number One Vote คือ 1 หมายเลขโทรศัพท์สามารถโหวตให้คะแนนผู้เข้าแข่งขันได้ 1 คน และ1 ครั้งเท่านั้น โดยโอ เป็นผู้เข้าแข่งขันที่มีเสียงที่โดดเด่น มาตั้งแต่รอบบลายออดิชั่น โดนใจจนโค้ชก้อง หันเก้าอี้มารับเข้าทีมไปคนเดียว แต่เกือบกลับบ้านไปขายของฝากในรอบแบทเทิล โชคดีที่โค้ชโจอี้ บอย ให้โอกาสอีกครั้ง ด้วยการสตีลเข้าทีม หลังจากนั้น หนุ่มโอก็ได้แสดงศักยภาพรอบด้าน ทั้งร้อง ทั้งเต้น จนมาถึงรอบไฟนอล โอได้ขึ้นโชว์เป็นคนเป็นคนสุดท้าย กับเสียงโดดเด่น เน้นๆไม่เป็นรองใครในเพลง “ทั้งรักทั้งเกลียด” แม้จะต้องฟาดฟันกับคู่แข่งที่เสียงดีไม่แพ้กัน อย่าง แต๊ก อานนท์ ในเพลง “แสงสุดท้าย” เกิบ ณัฐพงศ์ ในเพลง “ฤดูร้อน” และ คิง ภัชรพงษ์ ในเพลง “วันนี้เมื่อปีก่อน” แต่โอก็สามารถโกยคะแนนโหวตสูงสุด ตีคู่มากับเกิบซึ่งได้คะแนนเป็นที่ 2

โดยหนุ่มโอเผยว่า “ดีใจมากครับ ไม่คิดว่าจะมาถึงวันนี้ ถ้าวันนั้นโค้ชก้องไม่หันมา และโค้ชโจอี้ บอย ไม่สตีลในรอบแบทเทิล วันนี้ก็ไม่มีผม ถือว่าผมมีโค้ชถึงสองคน เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้จริงๆ ซึ่งทุกครั้งที่ผมร้องเพลง ผมตั้งใจสื่ออารมณ์ออกมา เหมือนว่าทำเป็นครั้งสุดท้าย ให้ทุกคนได้รู้สึกถึงสิ่งที่ผมถ่ายทอดทุกคำทุกตัวโน้ต และสุดท้ายผมขอขอบคุณทุกคนที่ให้โอกาสคนขายของฝากคนนี้ ที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการร้องการโชว์มาก่อนเลย”

งานนี้ โค้ชโจอี้ บอย ขอฝากผลงานของโอ อนาคตศิลปินเพลงไทย ว่า “ตอนเนี้ย โอ เป็นที่จับตามองของโปรดิวเซอร์หลายๆคน ที่อยากจะร่วมงานด้วย เพราะน้ำเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ สไตล์เก่าๆ ยุค 80-90 อีกไม่นานเราจะได้เห็นผลงานของโอแน่นอนครับ”

Facebook Comments
Share Button