สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกแล้วกับรายการ จิกกะบาล Talk Show สบายๆสไตล์ จิกกะบาล แขกรับเชิญของเราวันนี้พิเศษ เป็นพี่ใหญ่แห่งค่าย nomorebelts และยังเป็นหนึ่งในสมาชิก Friday อีกด้วย เราไปพบกับเค้าเลยดีกว่า พี่ หนึ่ง SleeperOne


0013
สวัสดีครับ รู้สึกเป็นเกียรติมาก ที่พี่หนึ่งให้เกียรติกับรายการ
พี :เริ่มเลยละกัน
อ๊อฟ : เข้ามาเป็น Friday ได้ยังไง
พี : สมาชิกเปลี่ยนใหม่หมดเลย
อ๊อฟ : เค้าเปลี่ยนนักร้องคนเดียว มีคนมาทักว่า ฟัง etc. ชุดใหม่ยัง เค้าเปลี่ยนนักร้องนะ รู้สึกยังที่เค้าคิดว่าเปลี่ยนนักร้อง
พี่ หนึ่ง : ตอนที่เริ่มเป็นวง Friday เริ่มเราเล่นดนตรีกันอยู่แล้ว ตอนที่เรียนคณะ สถาปัตย์ ม.รังสิต ผมกับ คุณ บอย ตรัย ก็อยู่ชั้นปีเดียวกัน ก้ยามว่างของการทำ project เราก็เลยตั้งวงของชั้นปี ก้มีคุณ บอย ตรัย กับผม เล่นด้วยกัน แล้วพอดี คุณ บอย เค้าเคยเป็น วงเดียวกับ คุณ อดุลย์ มาก่อน ก้คืออยู่ที่ เซนต์คาเบียล ด้วยกัน เราก็เลยมาเจอกัน 3 คนที่ คณะ สถาปัตย์ ก็เล่นแจมกันมาตลอด วันนึงเรียนจบ ก็ไปคุยกับเพื่อนอีกคนนึง ว่าพี่เอก ธเนศ วรางกูลนุเคราะห์ เค้ากำลังทำค่ายชื่อ มิวสิคบัค เราก็สนใจนะว่า จะลองเอา demo ไปให้ฟัง มีเพื่อนผู้หญิงอีกคนนึงเค้ารู้จักกับพี่เอก เราก็เอาเพลงที่เราทำๆกันเล่นไปให้พี่เอกฟัง แล้วพี่เอกก็สนใจ ใช้เวลาปีนึง ในการทำอัลบั้มแรกของ Friday ออกมา คือมีกัน 3 คน คือจริงๆ ก็พยามหามือกลอง แต่มันเหมือนมันไม่ใช่ พอดี 3 คนเนี่ย เราทำงานร่วมกันมาตั้งแต่แรก เราขาดมือกลองมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เลย เออ ไม่มีก็ไม่เป็นไรหรอก ตอนอยู่ที่คณะมีอีกหลายคน เป้นเพื่อนๆ แต่ตอนนั้นเล่นเป็น วง ร็อคมากกว่า คุณ บอย จริงๆ ก็ไม่ใช่นักร้อง ที่อยู่ในวงที่คณะ ก็เล่น เปียโน คีย์บอร์ดเป็นหลัก ผมเนี่ย เล่น เบส ก้มีเพื่อนๆเล่น กีตาร์เล่นกลอง แล้วก้จะมีนักร้องอีกคน เล่นเพลงพวกยุค heavy metal 90 อะไรพวกเนี่ย มือกลองเค้าไปเป็นสถาปนิคกันหมดแล้วครับ ได้ดิบได้ดี ยุคเว้นแต่พวกผมเนี่ยแหละครับ หลักๆ เพื่อนๆที่เราร่วมเล่นดนตรีมาเค้าจะรู้สึกว่ามันเป็นแค่งานอดิเรก แค่มีความสุขที่จะเล่น แต่พออย่างผม อย่างอดุลย์ หรืออย่างคุณบอยเนี่ย พอพักนึงมันเหมือนโชคชะตามันลิขิตไว้ คงมาสายนี้แล้วละ เราก้พยามไปเป็นสถาปนิค อยู่ครึ่งปี คุณ บอย ก็ครึ่งปี แต่ระหว่างนั้นเราก้ยังทำเพลงกันอยู่เรื่อยๆ เราเจอความสุขอีกแบบนึงแล้ว แล้วตอนนี้โชคชะตาก็พาว่ากลับมาไม่ได้ละ แล้วก็ออกมาเป็น Friday I’m in love ส่วนเรื่องประสบความสำเร็จ ต้องมองเป้น 2 ด้าน ถ้าเรื่องความฝันเนี่ย ถ้ามองเป็นเด็กคนนึง จุดสูงสุดก็คือการได้ออกเทป แต่ถ้าถามว่าเรื่องรายได้ ยอด หรือการรู้จักในวงกว้างไหม มันก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างนั้น แต่ก็พอใจ
พี: Friday มีมากี่อัลบั้มแล้วครับ
พี่ หนึ่ง : ถ้านับอัลบั้มเต็มก็ 2 คือว่า พอหมดจากอัลบั้มแรก ผมก็ไปทำ guest house ที่สมุย คุฯบอย ก็เริ่มทำงานที่ bakery เป็นนักเขียนเพลง คุณ อดุลย์ ก็กลับไปเรียนต่อที่อังกฤษ เราก็หายกันไปแป๊บนึง พอกลับมา คุณบอยเค้าทำค่าย คือ undertone record แล้วก็ทำวงสุดท้ายร่วมกันก็คือ today ago kid ก็ ดังในระดับนึงตอนนั้น ก็มีคอนเสิร์ต ซึ่งเค้าก้อยากจะให้ร่วมเพื่อนๆที่อยู่ใน today ago kids ด้วยกัน ซึ่งก็จะมี Groove Rider มี Sofa มี Pause มีอะไรหลายๆวงเนี่ยแหละครับ ก็เลยต้องมี Friday ด้วย ผมก็กลับขึ้นมาจาก สมุย ขึ้นมาเล่น พอกลับมาเล่นก็เหมือนโรคเก่ากำเริบ ก็กลับมาทำชุด 2 กันไหม หลังจากทำ today ago kids ก็เลยเป็น Friday ชุด 2 ต่อมา จริงๆ เราก็ไม่ได้เลิกไปไหนแล้วละ เหมือนติดมนต์เสน่ห์ของเพลงกับการทำเพลง พอหมดจากชุดนี้เราก็พัก Friday จะเป็นวงที่ไม่เกี่ยวกับเวลาละ เราจะทำ เวลาที่พร้อมจะทำพร้อมกันมากกว่า
พี : ผลตอบรับ ชุด 2 กับชุดแรก
พี่ หนึ่ง : ชุด 2 ก็อีกแบบนะครับ ก็มีความสุขตรงที่ มันก็ขยายวงกว้างขึ้น เราก็รุ่นใหญ่ขึ้น เพราะอัลบั้มห่างกันนาน แฟนเพลงเก่าๆ ก็คือรุ่นโตแล้วขึ้นมา ตามเรามา แต่คนที่ฟังจริงๆก็มีตั้งแต่เด็ก มัธยมขึ้นมา ก็ถือว่าเป้นแฟนคลับทั้งหมด ทั้ง 2 รุ่น
อ๊อฟ : ณ ตอนนี้
พี่ หนึ่ง : ตอนนี้ชุดที่ 3 กำลังทำแล้วครับ ก็ไม่น่าเกิน 2 เดือนนี้คงได้ฟังกัน คือชุดเนี่ย เราเริ่มคุย ตั้งแต่งาน fat ว่าเราว่ากันแล้ว คุณบอยก็ ทำอัลบั้มเดี๋ยวเสร็จไป 2 ชุด ก็พัก คุณ อดุลย์ก็ว่า ผมก็ออก sleeper 1 จนเหนื่อยละ ก็พัก แล้วก็มาทำ Friday ก็เริ่มทำมาตั้งแต่ พฤศจิกา แล้ว ประมาณ มีนา เมษา น่าจะออกอัลบั้ม ถ้าเป็นไปได้นะครับ
อ๊อฟ : ทำไมเวลาว่าง พัก ถึงมาทำเพลงตัวเองไม่ได้ไปทำอย่างอื่น
พี : เข้าค่าย ดังแล้วแยกวงรึเปล่า
พี่ หนึ่ง : ไม่ใช่ครับ มีคนเข้าใจแบบนี้เยอะ ตอนที่ทำ magic Moment เริ่มยุคปลายของการโปรโมท ไม่ได้โปรโมทที่ไหนแล้วละ เราก็จะเริ่มรู้สึกว่างเวลาว่างเรามี แล้วโดยธรรมชาติ ชอบทำเพลงแล้วมาอวดกัน มันไม่ใช่คนที่เล่นกีตาร์ก็เล่นแต่กีตาร์ ทุกคนทำเพลงเป็นทำเพลงได้ แล้วก้ชอบมา มันก็เลยเหมือนค่อยๆสะสมประสบการณ์ พอมีเวลาว่าง ผมก็เริ่มก่อนเลย ผมรู้สึกว่าเก็บเพลงมาเยอะละ แต่การที่เราจะออกไปเดี่ยวแล้วจะใช้ชื่อ หนึ่ง Friday มันก็ดูเหมือนเอาชื่อวงไปขายรึเปล่า อยากพิสูจนืตัวเองเลยตั้งชื่อ อัลบั้มว่า Sleeper 1 เพราะผมเป้นคนชอบนอน ง่วงบ่อย ก็เลย เออ sleeper 1 ละกัน หนึ่งจอมง่วง ขึ้เซา แล้วกัน ก็ลองทำขายงาน fat เออ คนเข้าฟังสิ่งที่เราเสนอนะ ก็เลยทำ Ep ขาย ขายไปได้อีกประมาณเกือบ 3000 แผ่น จริงๆ ขายประมาณ 5ร้านในกรุงเทพ ก็เริ่มคุยกับเพื่อนๆที่จบมาจาก สถาปัตย์ที่รังสิต ว่าอยากจะลองทำค่ายเพลงกันดูไหม น่าสนุกดี ถ้าทำเพราะสนุกจะทำ แต่ถ้าวันนึงที่ไม่สนุกก็เลิกทำ ส่วนใหญ่ก้จะเป็นเพื่อนๆพี่น้องมากกว่า ก็ถ้าไม่สนุกก็คงบอกเค้าว่าพอแล้วละ ก็เลยทำชื่อค่าย Nomorebelts ก็ดูยืดหยุ่น จะเป็นอะไรก็ได้ เหมือนเด็กนักเรียนที่เลิกเรียนแล้วเอาเสื้ออกอะไรอย่างนี้ ไม่จำเป็นต้องอยุ่ใน format ตลอด รู้สึกว่าเพลงทั่วไปที่เราฟังตั้งแต่เด็ก เราจะรู้สึกว่าถูกจัดมาแล้ว ตั้งตุ๊กตาให้คนนี้ร้อง มือกีตาร์ก้เล่นไป พอถึงเวลาเค้ากลับมาดูตอนอายุเยอะๆ เอ้า เค้าไม่ได้อัดอะไรเลย มันไม่ใช่แล้วไง ความรู้สึกเด็กรุ่นใหม่มันก็น่าจะรู้สึกว่า เราน่าจะทำเองได้ แล้วเราก้น่าจะขายในสิ่งที่ตัวเองเป็น เราก็เลยเริ่มทำ Nomorebelts ขึ้นมา เริ่มด้วยอัลบั้มเต็มผมก่อนละกัน ไหนๆก็ ไปทางนี้แล้ว ทำแล้วก็ติดก็เลยออกชุดแรก Sleeping letter หลังจากนั้นก็จะมีไหลๆมา หลายๆคน
อ๊อฟ : คิดทำเพลงของตัวเองก่อน หรือคิดมีค่ายของตัวเองก่อน
พี่ หนึ่ง : มันเหมือนมันมา พร้อมๆกัน ก็อย่างที่บอก ว่างจาก Friday ก็ลองทำของตัวเองก่อน พอเพื่อนๆฟังแล้ว เออ เราก็มีทิศทางที่อยากจะนำเสนอในกลุ่มของเราเหมือนกัน เราก็เลย งั้นก็ทำไปด้วยพร้อมๆกัน เราก็ลองดูกระแสไปด้วย โดยการทำ single ทำ Ep ขายไปก่อน ว่าคนชอบได้แค่ไหน ผลสุดท้าย ตอนนั้นยังไม่มี mp3 ซีดีเถื่อน แล้วตอนนั้นเราก็เชื่อว่า กลุ่มนักศึกษา กรุงเทพ เชียงใหม่ น่าจะพอมีกำลังซื้อถ้าชอบจริงๆ แล้วมันก็ทำได้จริงๆ
พี : สุดท้าย Sleeper 1 ได้ออกมากี่อัลบั้ม
พี่ หนึ่ง : ถ้านับเป็น อัลบั้ม ก็จะแค่ 2 ก็ คือ sleeping letter กับ Different
พี : ถ้าไม่นับเป็นอัลบั้มหล่ะ
พี่ หนึ่ง : มันจะมี Ep ที่สนุกๆ ร่วมงานกันสนุกๆ อย่าง Ep แรก ออกเพราะจะลองดูก่อนออกอัลบั้มเต็ม อยากรู้ว่าคนชอบไหม อย่าง different มันเป้นเรื่องที่ยาวมาก ผมทำกับนักเขียนอีกคนนึง ชื่อคุณ นราวุฒิ ที่อยู่ Open ก้คือเราวางเรื่องกัน ทำไปเกือบ 2 ปี พอมันยาวเราก็เลยต้องทำอะไรที่มันพักผ่อนตัวเองไปด้วยแต่ก็อยากจะทำ ก็เลยออก Ep อย่างจริงๆ ตัว different ถ้านับจริงๆตอนที่ทำเพลงกันไว้ เป็นหนังสือเรื่องสั้นด้วย เราก็ต้องพยามตอบโจทย์ให้มันเข้ากัน บางอย่างตัวหนังสือเขียน เราก้ต้องมาจูนด้วยเพลง อย่างบางอย่างที่ตัวหนังสือเว้นวรรคไว้ เราก็จะให้เพลงเป็นตัวตอบ ทำไปตอนแรกเนี่ย 50 เพลงได้ ก็คือผมใช้เวลาอยู่ที่เชียงใหม่ไปเลย แล้วก็ มีบ้านอยู่ที่เชียงใหม่ 1 ไร่ ก็จะใช้เวลาอยู่ ประมาณ 2 เดือน ทำเพลงอยู่ที่นั่น ทำ demo อยู่ที่นั่นเลย ให้มันเสร็จออกมา คราวนี้พอเพลงมันเยอะ ตัดยังไงก็น่าจะอยู่ประมาณสัก 30 กว่า เราเลยออกเป็น part 1 Part 2 แล้วก็ Ep ซึ่งจริงๆเป็นภาคที่ 3 มาออกก่อน คือเล่นเหมือน star war จริงๆ หลักๆคือ ถ้าเป็นอัลบั้มใหญ่ เราจะออกตามที่เราคิ ดว่ามันเสร็จเรียบร้อย พวก Ep ก็มาจากงาน fat เป็นหลัก เพราะเราอยากร่วมสนุกกับงาน fat
อ๊อฟ : ช่วงปีที่ 2 ปี มีออกมาเยอะเพราะมีเพลงเก็บไว้เยอะ
พี่ หนึ่ง : หมดแล้วครับ ไม่ออกแล้ว ช่วงนี้จะ Focus ไปที่ Friday ระหว่างนี้ก็เริ่มทำแล้วเหมือนกันครับ คือพอเราสนุกกับการทำเพลง เราไปหาอะไรที่มันรุ้สึกยากขึ้นเรื่อยๆ แล้วมันก็จะมัน คราวหน้ามันก็จะเป็นเรื่อง ที่ทำกับคุณ วิทย์ บ.ก. hamburger เก่า ก็เป็นเพื่อนๆก็ ช่วยกันเขียนบท แล้วผมก็จะเริ่มทำเพลง ด้วยความที่ชุดแรกมันเป้นจดหมาย ชุด 2 เป็นเพลงพร้อมกับหนังสือเรื่องสั้น ชุดที่ 3 จะเป็นหนังครับ เป็นหนังเรื่องประมาณชั่วโมงนึง ทำหนังขึ้นมาเพื่อประกอบกับเพลงตัวเอง ต้องใช้เวลานานหน่อย เป็นแผ่น ดีวีดี อาจจะฝังอยู่ในหนังอยู่แล้ว แล้วอีกแผ่นก็ให้ฟัง ขายคู่กัน แต่แบบนี้มันใหญ่มันก็ต้องใช้เวลา กลุ่มคนฟังก็จะเป็นเฉพาะกลุ่มจริงๆที่จะขาย
พี : งานเพลง Sleeper 1 ถือเป็นแนวไหน
พี่ หนึ่ง : จริงๆ ก็เป็น pop ก็ความที่เราทำ Friday มาก็เน้นเพลงเพราะเป็นหลัก แต่ด้วยความที่มันเป็น concept อัลบั้ม เพราะผมเป็นคนชอบฟังอะไรที่มันเป็นร้อยเรื่องต่อกันไปเรื่อยๆ อย่างของผมยังไม่ถึงขนาด progressive แต่ว่า อยากให้เพลงมันต่อกันเป็นเรื่องอย่างที่เรื่องเรากำหนด ดังนั้นเพลง มันก็จะยืดหยุ่นไปตลอด มันอาจจะเป็น ร็อคแรงๆก็ได้ หรืออาจจะเป็น อคูสติคช้าๆ ก็ได้ เพียงแต่ให้ตอบโจทย์ว่า เรื่องที่เราพูด ถ้าใครมี sleeper 1 จะรู้ว่าอ่านหนังสือไปด้วย ฟังเพลงไปด้วย มันจะเป็นเรื่องที่สอดคล้อง ซึ่งมันก็จะยากกว่าการที่จะตีโจทย์เพลงรักไปเรื่อยๆ เพราะเราเรียนถาปัดมาด้วย การออกเป็นเป็นแกนหลัก ของการทำงานอยู่แล้ว
อ๊อฟ : รุ่นเนี่ย มีใครมาช่วยบ้างไหม
พี่ หนึ่ง : มีครับ อย่าง Sleeper 1 ก็เล่นคนเดียวไม่ได้ทั้งหมด คือ เราอยากทำเพลงให้มันดี คือ ข้อกำหนดข้อแรกของการทำเพลงได้ดี ต้องมีคนที่เราคิดว่าเค้าทำงานได้ดีกว่าเรามาช่วย พี่ก็ยังอัดอยู่ อย่าง กีตาร์ เรียบเรียงเนื้อร้องทำนองหลักๆ อย่างบางเพลง อยากจะถ่ายทอดโดยคนๆเนี่ย เชื่อว่าคนๆเนี่ยเก่ง แล้วทำให้เพลงเราดีขึ้น ได้ อย่างคุณ บอย มาช่วย เพราะคิดว่าเค้าตีโจทย์หนังสือเราได้ อย่างเล่นเบส เอาให้สมูท เนี่ย ก็จะให้คุณนอ นรเทพ เครสเชนโด้ มาช่วย เพราะมาจากเป็นเพื่อนกัน ก้มีระบบหลายอย่าง อย่างอัดเนี่ยจ่าย ต่อให้อินดี้ยังไง ก็จะมีระบบการเงิน เพราะว่าเราต้องมีรายรับรายจ่ายที่ชัดเจน หลังๆเลยกลายเป็นหุ้นไปแล้ว คุณ นอ
อ๊อฟ : แต่ยังไงก็แต่งเองหมดใช่ไหม
พี่ หนึ่ง : อย่าง เมโลดี้ เรียบเรียง พี่ทำเองทั้งหมด แต่อย่าง บางเพลง อย่างที่บอก ให้คุณบอยตรัย มาช่วยเขียนเนื้อเพลง แต่ส่วนใหญ่ก็ทำเอง 80%
อ๊อฟ : เอาเรื่องราวมาจากไหน แต่งเพลง แล้วทำไมต้องไปแต่งเพลงที่เชียงใหม่ด้วย
พี่ หนึ่ง : อันดับแรก ทำเพลง บรรยายกาศ สำคัญมาก อากาศดีๆเงียบๆสงบ ทำงานกลางคืน ถ้าแต่งตามที่วุ่นวายก็จะได้เพลงมาอีกแบบนึง แต่เรารู้สึกอึดอัดทำงานได้ไม่เต็มร้อย แต่เวลาอยู่ที่เงียบๆ สังเกตเวลาเราไปเที่ยวต่างจังหวัด ที่เงียบๆ เวลามันจะยืดยาวไปกว่าปกติ มันจะไม่ใช่หมดวันไวๆเหมือนอยู่กรุงเทพ แป๊บนึง 3-4 ทุ่มละ เวลาอยุ่ต่างจังหวัดมืดๆ กว่าจะ 3 ทุ่มเนี่ยนานมาก มันก็เหมือนจะมีเวลาให้ทำอะไรได้มาก เวลาเราเอากีตาร์ไปทะเลตัวนึง เราจะรุ้สึกว่าสบายนะ อยู่ทะเลมันปดปล่อย ผมเชื่อกันว่าบรรยากาศสำคัญ มีบ้านไร่อยู่ที่เชียงใหม่ ซื้อไว้แล้ว ก็ต้องไปดูแลหน่อย
อ๊อฟ : ซื้อไว้เพื่อแต่งเพลงเลยรึเปล่า
พี่ หนึ่ง : จริงๆตอนแรกมันเป็นที่ของเพื่อน แล้วก็เราไปใช้ เดือน 2 เดือน เราติดลม ตายละ งั้นก็ขอแบ่งละกัน เพราะว่าติดริมน้ำด้วย สบาย
อ๊อฟ : แต่งเพลงครั้งแรกที่ เชียงใหม่ด้วยรึเปล่า
พี่ หนึ่ง : ใช่ แต่แต่งให้ Friday นะ ชื่อเพลง หนาว
อ๊อฟ : ร้องนิดนึง
พี่ หนึ่ง : ลมเย็นๆ พัดมาแล้วชั้นเพิ่งรู้สึก ประมาณนี้ ตอนแรกแต่ง แล้วมีกีตาร์ตัวนึง นอนอยู่ใต้ต้นไม้ แล้วก็ได้มาเป็นเพลงนี้ คุณ บอยมาฟัง แล้วก็คิดว่าน่าจะพูดเรื่อง ลม หนาว
พี : สมัยเรียน มีแต่เพลง จีบสาวบ้างไหม
พี่ หนึ่ง : มีครับ เป็น ธรรมชาติเลยครับ
พี : เป็นยังไงบ้าง
พี่ หนึ่ง : เละเทะ ทั้งคนรับ ทั้งเพลง เพราะว่าเราตอนนั้นทำเพลง เรายังไม่รู้ระเบียบวิธีการ ในการทำเพลง จนมาทำกับพี่เอก เลยได้รุ้ว่าเพลงมันต้องมีท่อนนี้ๆ เพื่ออะไร แล้วก็ทำยังไง
พี : แล้วตอนนั้นเพลงมันออกมาเป็นยังไง
พี่ หนึ่ง : ก็เป็นลักษณะ กีตาร์ตัวนึง พูดไปเรื่อยๆ อยากพูดอะไรก็พูด เพลงมันก็จับแก่นไม่ได้ อัดใส่เทป แล้วส่งไปให้เค้าฟัง เค้าก็เงียบไป ถ้ามาฟังตอนนี้คงไม่เกิน 2 รอบก็เบื่อ 18 -19 เรียน ปี 1-2
พี : มีเข้าประกวดอะไรบ้างไหม
พี่ หนึ่ง : ไม่เคยเลย มีแต่เล่นกันในมหาลัย พี่ไม่ชอบแข่งขันเลย รู้สึกว่ามันเหนื่อยไปป่าว เราเล่นเพราะเราอยากพักผ่อน โดยปกติเด็กสถาปัต มันทำ project มันเหนื่อยอยู่แล้ว ก็เอาเครื่องดนตรีมาเล่นกัน ก็ไม่มีเวลามานั่งมุ่งมั่น เราเล่นตามที่เราชอบ มันก็อิสระ
พี : ได้เรียนบ้างไหม กีตาร์
พี่ หนึ่ง : เรียนนะครับ เรียนกีตาร์ คลาสิค ปีนึง ตอนประมาณม.2 มันก็เหนื่อย เราจำโน๊ตอะไรไม่ค่อยเก่ง ตอนนั้นเล่นได้แล้ว แต่ที่ไปเรียนเพราะอยากรู้เรื่องโครงสร้างเรื่องโน๊ต ตอนนี้ก็ยงัใช้อยู่ เด็กๆพี่ชอบซื้อของพวกเคร่องดนตรี ถือไม้กวาดตั้งแต่เด็ก พ่อก็ซื้อกีตาร์ให้ตัวนึง แล้วก็ซื้อกีตาร์ไฟฟ้า มาลองว่าเสียงแตกเป็นยังไง แล้วก้ซื้อเทปมาอัด สักพัก อยากเล่นเบสเป็น ไปซื้อเบส สักพักก็ไปซื้อกลองชุดมาไว้ในห้อง แล้วก็ไปซื้อคีย์บอร์ด แล้วที่มาเล่นเบสหนักๆ เพราะว่า คนเล่นกีตาร์มันเยอะที่คณะ เราก็เล่นเบสดีกว่าไม่มีคนเล่น แล้วพอเล่นก็ชอบ เสียงต่ำเพราะอย่างนี้นี่เอง เป็นการคุมวงแบบนึง
อ๊อฟ : แล้วตอนนี้ที่ชอบที่สุด
พี่ หนึ่ง : กีตาร์ โปร่ง หลังๆก็จะเล่นกีตาร์โปร่งเยอะมาก มันมีเสน่ห์ มันเป็นไม้ มันไม่ได้ออกเสียงเป็นลวด มันเป็นไม้ แค่ลวดกระทบไม้ มันก็มีเสียงออกมาได้ยิน เพราะฉะนั้น ทุกอย่างมันบังคับข้างในเรากับมือ ต่อให้คนเล่นเพลงเดียวกัน 2 คนเล่นก็ไม่เหมือนกันละ แล้วสังเกตเด็กๆรุ่นใหม่ถ้าใช้ คอมอัด จะเอาวิทยาศาสต์เข้าช่วยยังไง ก็ทำเสียงกีตาร์โปร่งไม่ได้
พี : เครื่องดนตรีที่ใช้ในการอัด
พี่ หนึ่ง : ถ้าเครื่องก็ต้องเป็นพวก Mac ถ้าน้องๆไม่มีงบขนาดนั้นใช้ PC ก็ได้ จรงิๆผมชอบซื้อของมือ 2 มากเลย ถ้าเป็นกีตาร์ไฟฟ้า ก็ต้องเป็น Fender เพราะว่าเราจะรู้ว่า ลักษณะเสียงเค้าเป็นยังไงที่เราต้องการ เราก็มีความมั่นใจว่าเสียงมันจะต้องดี กีตาร์ไฟฟ้า ผมจะให้ Gibson กับ Fender 2 แบบ กีตาร์ โปร่งก็จะเป็น Yamaha แล้วก็จะมี Taylor อะไรพวกนี้ ก็ต้องเป็นรุ่นที่ดีหน่อย แต่ไม่เกี่ยวกับเรื่องแพง ใช้งานแล้วมันไม่เพี้ยนไปจากที่เราคิด เริ่มจากมือ 2 ประหยัดกว่า และแต่ละตัวกีตาร์เสียงไม่เหมือนกัน เราต้องเลือกว่า เสียงที่เราชอบเป็นแบบไหน เริ่มจาก กีตาร์ไฟฟ้า 4-5 พันก่อนก็ได้ พอมีตังหน่อยค่อยเก็บตังซื้อมือ 2 ที่ยี่ห้อมันดังหน่อย ถ้ามันดังมันก้ต้องดีอยุ่แล้วละ ดีจนคนเค้าใช้กันมันเลยดัง สำคัญที่สุดคือ หาเอกลักษณ์เป็นของตัวเองให้ได้ มันจะทำให้เรารู้สึกว่าเราจะทำอะไรต่อไปได้ ถ้าเราไปเหมือนคนอื่นเรื่อยๆ เราก็จะไม่สนุก
พี : มุมมองวงการเพลงไทย
พี่ หนึ่ง : ผมว่ามันไม่แตกต่างไปจาก 10 ปีที่แล้ว เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เมโลดี้ก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ มันไม่ใหม่ แต่ถ้าเฉพาะกลุ่ม indy มันมีอะไรเปลี่ยนแปลง มันน่าตกใจ แล้วก็น่าชื่นใจ ที่วันนึงเด็กๆทั้งหลายก็รู้สึกว่าตัวเอง ทำเพลงเป้น ออกมาเล่นเอง แต่งเองอัดเอง ขายกันไป เค้ามีทัศนคติที่ดีกับการทำเพลงแล้ว ไม่เห็นต้องรอให้ใครแต่งให้เลย มันก็จะเยอะไปหมดเลย เมื่อก่อนเด็กรุ่นใหม่ไม่มีทางได้อัดหรอก แต่มันก็เป็นดาบ 2 คม เมื่อคอมพิวเตอร์ มันมีความสามารถมากขึ้นมันก็โหลดกันมากขึ้น อย่างกลุ่ม indy มันชนกันโดนตรงเลย ก็ต้องวัดใจกัน
อ๊อฟ : นอกจากทำเพลงแล้วมีอย่างอื่นอีกไหม
พี่ หนึ่ง : ก็มี guest house ที่สมุย มันเป็นหมู่บ้านชาวประมง คุณยายเป็นคน สมุย คุณแม่เป็น คนสมุย ก็จะกลับไปทุกปีอยู่แล้ว ตอนนี้ ชีวิต ก็อยากได้ 3 ฤดู หน้าร้อนกลับบ้านสมุย หน้าหนาวไปเชียงใหม่ หน้าฝนก็อยู่ กรุงเทพ บ้านที่เชียงใหม่ก็ปลูกต้น สัก กำลังจะขายละ ยังฮะ ให้ร่มเงา แล้วก็ทำค่ายเป็นหลัก แล้วก็ทำวง Friday
guest house ที่สมุย เป็นหมู่บ้าน ชาวประมง หลักๆก็คือนักท่องเที่ยว เป็นหมู่บ้าน ติดชายทะเล แล้วก็เป็นชาวประมง หาปลา มันก็จะไม่มีนักท่องเที่ยวที่จะมาเฮฮาอยู่แล้ว อยู่กันทีก็ 15 วัน อ่านหนังสือ เขียนเพลง จดบันทึก ก็จะเหมาะ จริงๆ น้องๆไปแล้วเบื่อแน่ๆ ชื่ออ่าวบางเก่า ถ้า สมุย คนรู้จัก เฉวง ท้องทราย ถ้าว่างก็ติดต่อไปมาที่ www.nomorebelts.com แต่เร็ซๆนี้จะเปลี่ยนละ เป็น www.frssbelts.com เพราะเราไม่อยากให้เป็นแค่ nomorebelts เพราะเรามีกลุ่มเพื่อนๆที่อยู่ในแวดวงอยากจะมาสนุกด้วย ถ้าน้องๆอยากได้เพลงก็มาเอาไปเลย free เมื่อเราเป็น indy เราก็ข้ามค่ายอยู่แล้ว ถ้าจุดนึงเราชอบมากๆๆ เราก็จะทำเป็น limited ขาย เราก็จะมีหลายๆคนมารวมกัน พี่นอ อาจจะมาสอนเบส พี่บอย อาจจะมาสอนร้องเพลง มีนานี้ เรามาสนุกด้วยกัน น้องๆทำเพลง แล้วก็เอามา upload ให้เพื่อนๆฟัง
อ๊อฟ : Friday ใหม่อยู่ค่าย อะไรคะ
พี่หนึ่ง : loveis หลักๆจะเป็น easy listening แล้วก็ตามอายุด้วย เราจะถ่ายทอดยังไงให้เหมือนเป้นพี่ชาย เป้นเพื่อน และก็พูดเรื่องความรักรอบๆตัว แต่เป้นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเก่า แล้วภาคดนตรีอาจจะโก๋ๆขึ้นหน่อย
อ๊อฟ : อัลบั้มหน้า ของ sleeper 1
พี่หนึ่ง : อาจจะประมาณ ปีกว่า มันเป็นโครงการใหญ่ ต้องหาผู้กำกับ คุยๆไว้อาจจะเป็นผู้กำกับจากสิงค์โปร์ เราอาจจะขอทุน ปูซาน แล้วก็เอาหนังไปฉาย
พี : ไปดู vtr ที่พี่หนึ่งทำของที่ระลึกไว้ให้เรา
อ๊อฟ : เสื้อพี่หนึ่ง กีตาร์ตัวนี้มี signature ด้วย ส่ง comment เข้ามาที่ website
พี่หนึ่ง : ทำอะไรก็ได้ที่เรารัก ไม่ต้องเบียนเบียนใคร รับรองว่าจะให้ชีวิตแล้วมีความสุข
อ๊อฟ : ขอบคุณ พี่หนึ่ง มากๆๆ ลาไปก่อน สวัสดี